VISA

VISA อังกฤษ

บอกเล่าขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า Tier 4 ( Child ) Visa ประเทศอังกฤษ

สวัสดีจ้า เป็นยังไงกันบ้างค่ะ ใกล้จะปิดเทอมกันแล้วมีวางแผนไปเที่ยวหรือไปซัมเมอร์ประเทศไหนกันบ้างป่าวเอ่ย พอพูดถึงช่วงเวลาใกล้จะปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่ของน้องบางท่านก็กำลังเริ่มมีการเตรียมตัวส่งน้องๆไปโรงเรียนประถมหรือโรงเรียนมัธยมในต่างประเทศกันบ้างแล้ว มาในวันนี้พี่เลยจะขอพูดถึงการขอวีซ่าประเทศอังกฤษสำหรับเด็กเล็กกันบ้าง จริงๆแล้วประเทศอังกฤษก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขอวีซ่าง่ายค่ะ แต่จะค่อนข้างจุกจิกในเรื่องประเภทวีซ่าที่จะแบ่งหยิบย่อยกว่าประเทศอื่นหน่อย แต่สำหรับน้องๆที่มีอายุ 4 – 17 ปี และมีความตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ น้องๆทุกคนจะต้องขอวีซ่าเป็นวีซ่าประเภท Tier 4 ( Child ) เท่านั้นนะค่ะ ข้อดีของวีซ่าประเภทนี้คือน้องๆไม่จำเป็นจะต้องทดสอบ IELTS เพราะด้วยความที่น้องยังเล็กดังนั้นทางสถาบันจึงสามารถออกใบตอบรับการเข้าเรียนโดยไม่ต้องใช้ผลภาษาในการสมัครได้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ความว่าถ้าเราภาษาอังกฤษไม่เป็นเลยก็จะไปได้นะค่ะ เพราะยังไงทางโรงเรียนก็จะมีข้อสอบภาษาอังกฤษให้น้องๆทดสอบเพื่อเป็นการวัดระดับความรู้กันก่อนคะ

น้องๆที่ต้องการไปเรียนที่ประเทศอังกฤษในระดับมัธยมศึกษาหรือระยะยาวนั้น น้องๆต้องทำการตรวจสุขภาพก่อนทำการยื่นขอวีซ่านะคะ แล้วเราจะต้องไปตรวจสุขภาพกันที่ไหนอย่างไรหละคะ

มาทำความรู้จักกับ IOM (สำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน) กันเลยคะ
IOM คือองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน องค์กรนี้จะมีหน้าที่ออกใบรับรอง Medical Certificate ให้กับน้องๆที่ได้รับการตรวจสุขภาพผ่านเรียบร้อยแล้วนำไปยื่นขอวีซ่าประเทศอังกฤษนั้นเองค่ะ โดย IOM นี้จะตั้งอยู่ที่ 120 อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ถนนสีลม, บางรัก, กรุงเทพ ฯ 10500

สำหรับน้องๆที่มีอายุต่ำกว่า 11 ปี น้องๆจะได้รับการยกเว้นการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล โดยผู้ปกครองสามารถพาน้องๆไปที่ IOM ได้เลยจะมีแค่ต้องกรอกประวัติข้อมูลของน้องและอาจจะมีการพบแพทย์ประจำ IOM นิดหน่อย หลังจากนั้นก็รอรับใบ Medical Certificate ได้เลย น้องๆจะเสียค่าธรรมเนียมคนหละ 450 บาทเท่านั้น

สำหรับน้องๆที่มีอายุมากกว่า 11 ปีขึ้นไป น้องจะต้องเดินทางไปลงประวัติกับ IOM ก่อนแล้วจากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ค่ะ ส่วนโรงพยาบาลที่จะสามารถตรวจได้นั้นจะมีแค่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนกับพญาไทย 2 เท่านั้นนะคะ การตรวจสุขภาพจะตรวจแค่การเอ็กซเรย์ปอด พอตรวจเสร็จเรียบร้อยก็นำผลการตรวจจากโรงพยาบาลกลับมาส่งให้กับทาง IOM เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกใบรับรอง Medical Certificate และเราก็นำไปประกอบการยื่นขอวีซ่ากันคะ ค่าธรรมเนียมในการตรวจสุขภาพจะอยู่ประมาณ 3,300 บาทค่ะ


กลับมาในเรื่องการยื่นวีซ่ากันต่อค่า เมื่อน้องๆเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นขอวีซ่าประเทศอังกฤษครบแล้ว ทางพี่ก็จะทำการตรวจเอกสารให้น้องอีกรอบและทำการแปลเอกสารภาษาไทยให้เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นพี่ก็จะดำเนินการกรอกวีซ่าให้ค่ะ วีซ่าของประเทศอังกฤษจะเป็นแบบระบบออนไลน์ทั้งหมด หลังจากที่พี่กรอกวีซ่าให้น้องๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปก็ทำการยืนยันข้อมูลสถานที่รับ Biometric Residence Permit ( BRP ) งงกันหละสิ ว่ามันคืออะไร ตัว BRP ตัวนี้จะเหมือนกับวีซ่าของเรา เพราะว่าเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมาทางสถานทูตได้เปลี่ยนกฎหมายของการออกวีซ่า Study – Short Term Study 11 Months - English Language กับ Tier4 ให้ระยะเวลาวีซ่าในหนังสือเดินทางของเราเพียง 30 วันเท่านั้น หลังจากที่นักเรียนทุกคนเดินทางไปถึงประเทศอังกฤษแล้ว ภายใน 7 – 10 วัน นักเรียนต้องเดินทางไปรับ BRP ที่ทำการไปรษณีย์ที่ใกล้เคียงกับสถาบันศึกษาหรือที่พักก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นตัว BRP นี้ก็จะถือว่าสำคัญมากๆเลยทีเดียวนะค่ะ เพราะน้องๆจะถือตัวนี้แทนวีซ่าของเราไม่ว่าจะเดินทางกลับมาประเทศไทยหรือใช้ทำอะไรภายในประเทศอังกฤษ BRP ตัวนี้จะมีข้อมูลเหมือนกับวีซ่าของเราทุกอย่างเลย แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะค่ะสำหรับน้องเล็กๆ เพราะว่าเจ้าหน้าที่โรงเรียน หรือ Guardian ที่ดูแลน้องๆตามกฎหมายนั้นจะเป็นคนพาน้องๆไปรับ BRP คะ

พอพี่ทำข้อมูลยืนยันสถานที่จะไปรับ BRP เสร็จเรียบร้อยแล้วต่อมาพี่กะทำการจองคิวสัมภาษณ์กันค่ะ การจองคิวของสถานทูตนั้นจะสามารถยื่นวีซ่าได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 15.30 แต่สำหรับผู้ปกครองของน้องๆท่านไหนที่ไม่สะดวกจะไปยื่นวีซ่าได้ในเวลาปกติสามารถนัดคิวในช่วงเวลาหลัง 15.00 น. เป็นต้นหรือจะยื่นในวันเสาร์ น้องๆจะเสียค่าธรรมเนียมให้กับ VFS ศูนย์รับยื่นวีซ่าเพิ่มอีกประมาณ 1,500 บาทค่ะ พอเราทำการนัดคิวกันแล้วเรียบร้อยก็มาถึงขั้นตอนชำระเงินกันจ้า น้องๆที่เรียนนานกว่า 6 เดือนขึ้นไปตอนนี้ทางสถานทูตจะให้ชำระค่า Healthcare Surcharge ซึ่งก็คือค่าประกันสุขภาพนั้นเองค่ะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะค่ะ ที่น้องจะได้สิทธิ์ในการคุ้มครองเรื่องสุขภาพ เพราะค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในต่างประเทศเท่าที่รู้ๆกันราคาสูงพอสมควรเลย ส่วนค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่น้องๆสมัครเรียนกับทางโรงเรียน พอเราชำระค่าประกันสุขภาพกันเสร็จแล้วก็มาชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ USD$495 (Tier 4 Child visa) พอชำระทุกอย่างเสร็จก็เอาเป็นอันว่าเรียบร้อยค่ะ อ๋อและในส่วนของค่าธรรมเนียมประกันสุขภาพกับค่าธรรมเนียมวีซ่าจะชำระทางเครดิตการ์ดเท่านั้นนะค่ะ

พอถึงวันที่กำหนดยื่นวีซ่าน้องๆจะต้องเดินทางไปยื่นวีซ่าด้วยตนเองนะค่ะ เพราะทางสถานทูตจะมีการเก็บรายละเอียดโดยการสแกนนิ้วมือของนักเรียนและอาจจะทำการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ ณ วันนั้นเลยก็เป็นได้ค่ะ

สำหรับทางพี่ในวันที่จะทำการยื่นขอวีซ่า พี่จะนำเอกสารทั้งหมดไปให้ พร้อมกับแนะนำการตอบคำถามให้กับน้องๆและผู้ปกครองนิดหน่อยถ้าหากในกรณีโดนเจ้าหน้าที่เรียกสัมภาษณ์ค่ะ หลังจากยื่นวีซ่าไปแล้วนั้น ทาง VFS จะมีบริการให้น้องๆเลือกว่าจะรับบริการ SMS เพื่อติดตามคำร้องขอวีซ่าของเราหรือป่าวค่ะ ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 80 บาท พี่แนะนำให้น้องๆใช้บริการนี้นะคะเพราะจะได้ทราบว่าในขณะนี้วีซ่าของเรานั้นกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว

จากนั้นก็รอประมาณ 15 วันทำการค่ะ พอเราได้รับ SMS แจ้งว่าเล่มมาถึง VFS แล้วในวันถัดไปเราก็สามารถเดินทางไปรับเอกสารคืนได้เลยค่ะ หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่สะดวก จะให้พี่ไปรับแทนน้องๆก็ได้เลยค่ะ พอเราได้รับเอกสารคืนแล้วสิ่งสำคัญเลยคือเปิดดูหนังสือเดินทางของเรานั้นเอง ว่ามีการแสตมป์หน้าวีซ่าจากสถานทูตหรือป่าว ถ้าได้ก็เป็นอันว่าวีซ่าของเราผ่านแล้วนั้นเอง อาจจะดูซับซ้อนและยุ่งยากในบ้างเรื่องนะค่ะ แต่เอาเป็นว่าถ้าให้ทาง SJC ดูแลในเรื่องการกรอกวีซ่าและช่วยดูเอกสารต่างๆ น้องๆจะไม่พลาดและจะไม่ยุ่งยากเหมือนที่อ่านมาทั้งหมดนี้เลยคะ

วันนี้พี่ก็ฝากไว้เท่านี้ก่อน ถ้าหากทางสถานทูตมีการเปลี่ยนแปลงกฎอะไรใหม่ๆ พี่จะมาอัพเดทให้น้องๆทราบกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

รีวิววีซ่าประเทศอังกฤษ

สวัสดีค่ะ พี่กัสอยากจะแชร์ประสบการณ์ในการยื่นขอวีซ่าประเทศอังกฤษ ประเภท Student Visitor up to 6 Months สำหรับน้องๆที่อยากจะไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือนนะคะ น้องๆ ควรยื่นสมัครวีซ่าให้ถูกประเภทด้วยนะคะ เคสนักเรียนของพี่กัสที่อยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟังก็คือ

นักเรียนทำเรื่องสมัครไปเรียนหลักสูตร General English กับสถาบันชื่อ Portsmouth Language College เมือง Portsmouth ประเทศอังกฤษ เป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยน้องได้ปรึกษาเกี่ยวกับการเดินบัญชีของตัวน้องเองทั้งๆที่น้องเพิ่งเรียนจบและยังไม่มีรายได้ แล้วเงินในบัญชีที่น้องมีนั้นมาจากไหนกันละคะ หากบัญชีนั้นเรามีเงินจากการที่พ่อแม่ฝากให้เราเป็นเงินฝากอยู่แล้วเป็นประจำตั้งแต่เรายังเรียนหนังสืออยู่ เรื่องมันก็ง่ายอยู่นะคะ แต่เคสนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นสิคะ เงินในบัญชีที่น้องมีนั้นถูกนำเงินเข้ามาเป็นก้อนใหญ่มาก แถมไม่มีหลักฐานที่แสดงถึงที่มาที่ไปของการนำเงินเข้ามาฝากในบัญชีน้องอีก...เราจะทำยังไงกันดี?? หากเป็นเรื่องราวประมาณนี้ พี่กัสแนะนำให้น้องๆเขียนจดหมายชี้แจงที่มาที่ไปของเงินในบัญชีคะ แจ้งความจริงกับสถานทูตให้มีน้ำหนักที่น่าเชื่อถือ พี่กัสเชื่อว่าสถานทูตก็จะรับฟังเรานะคะ ดังนั้นเคสนี้เราก็ต้องบรรจงร่างหนังสือชี้แจ้งบัญชีเงินฝากของน้องคะ

ลำดับต่อไปเมื่อน้องๆ เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอวีซ่าครบทุกอย่างแล้ว พี่กัสก็จะช่วยกรอกฟอร์มคำร้องขอวีซ่าอังกฤษทางออนไลน์ และทำการจองคิวเพื่อเราต้องทำการนัดวันที่จะไปยื่นใบสมัครขอวีซ่าที่ศูนย์ VFS ประเทศอังกฤษ โดยศุนย์นี้ตั้งอยู่ที่ อาคารเดอะ เทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯคะ เมื่อเราได้วันนัดหมายแล้ว น้องๆก็ต้องทำการชำระค่าวีซ่าด้วยบัตรเครดิตการ์ดออนไลน์เท่านั้นคะ จากนั้นเราก็พร้อมไปยื่นวีซ่ากันแล้วคะ การยื่นขอวีซ่าของประเทศอังกฤษ น้องๆต้องไปด้วยตนเองนะคะ เพราะทางสถานทูตจะให้เราทำการแสกนนิ้วมือด้วยคะ

หลังจากที่เราทำการยื่นคำร้องขอวีซ่าไปเรียบร้อยแล้ว น้องๆก็อย่างเพิ่งชะล่าใจไปนะ พี่กัสแนะนำว่าโทรศัพท์มือถือของเรานั้นควรอยู่ติดตัวของเราตลอดเวลาเพราะเจ้าหน้าที่สถานทูตอาจจะทำการสุ่มเพื่อโทรไปสัมภาษณ์น้องๆทางโทรศัพท์ว่า น้องๆเข้าใจและรู้เรื่องอะไรบ้างกับการที่จะไปเรียนต่อในครั้งนี้ น้องๆควรมีสติตลอดเวลาและตั้งใจตอบคำถามให้ดีนะคะ ซึ่งตรงจุดนี้พี่กัสจะมีการสรุปข้อมูลทุกอย่างให้น้องเพื่อเตรียมความพร้อมกันทุกๆคนคะ

หลังจากที่เจ้าหน้าที่สถาทูตได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับน้องๆแล้ว ประมาณ 2- 3 วัน เราก็อาจจะทราบผลการพิจารณาวีซ่าของเราคะ โดยน้องๆอาจจะเลือกใช้บริการแจ้งเตือนทางเอสเอ็มเอสบนมือถือ แล้วมารับวีซ่าด้วยตัวน้องเองที่ศูนย์ VFS หรือ เลือกแบบให้สถานทูตจัดส่งวีซ่ามาให้น้องๆถึงบ้านด้วยการส่งทางไปรษณีย์ก็ได้คะ

พี่กัสหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำของพี่กัสในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้น้องๆรู้สึกสบายใจมากขึ้นและมั่นใจว่าการที่เราทำตามขั้นตอนต่างๆนั้นมันไม่ได้ยากเลยคะ ไปเรียนต่อประเทศอังกฤษกันนะคะ

ตัวอย่างวีซ่าประเภท Student Visitor up to 6 Months ประเทศอังกฤษ

**หากน้องๆคนไหนที่ต้องการให้พี่กัสช่วยดำเนินเรื่องการขอวีซ่าของประเทศอังกฤษทุกประเภท
สามารถติดต่อพี่ได้โดยตรงเลยนะค่ะ ให้คำปรึกษาฟรี!

วีซ่านักเรียน ประเทศอังกฤษ

วีซ่านักเรียนประเทศอังกฤษนั้นมีหลายประเภท พี่ๆแนะนำว่าควรเลือกสมัครประเภทของวีซ่าให้ถูกต้องนะคะ วีซ่านักเรียนที่เราจะยื่นกันบ่อยๆ มีดังนี้
1. Tier 4 Student Visa ค่าวีซ่า@USD496
2. Tier 4 Child Visa ค่าวีซ่า@USD496
3. Long – Term Study Visa (สำหรับนักเรียนที่ลงเรียนมากกว่า 6 เดือน แต่ไม่เกิน 11 เดือน)
ค่าวีซ่า@USD249 ***กรณีที่คุณอายุต่ำกว่า 18 ปี คุณต้องยื่นขอวีซ่าประเภท Child Study visa
4. Short – Term Study Visa (สำหรับนักเรียนที่ลงเรียนต่ำกว่า 6 เดือน)
ค่าวีซ่า@USD131 ***กรณีที่อายุต่ำกว่า 18 ปี คุณต้องยื่นขอวีซ่าประเภท Child Visitor
***update @February 2016 ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง

เอกสารประกอบในการยื่นขอวีซ่านักเรียน ประเทศอังกฤษ มีดังนี้
1. แบบฟอร์ม Online Visa
2. ใบนัด appointment confirmation
3. รูปถ่ายขนาด ความสูง 45 มม. ความกว้าง 35 มม.

ตัวอย่าง


4. หนังสือเดินทาง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง)
5. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง)
6. สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง)
7. Transcript ตัวจริง พร้อมสำเนา
8. หนังสือรับรองการศึกษาจากทางโรงเรียน
9. หลักฐานเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ (กรณีที่ทำงานแล้ว)
• หนังสือรับรองการทำงาน ต้องระบุ รายได้ต่อปี เงินเดือน ตำแหน่ง วันเริ่มงานในหนังสือรับรองการทำงานด้วย
• กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ/บริษัท/ห้างร้าน จะต้องมีหนังสือรับรองบริษัท หรือ หลักฐานการจดทะเบียน (หนังสือรับรองบริษัทจะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน)
10. ผลสอบ IELTS 4.5 อย่างต่ำ พร้อมสำเนา ( ถ้ามี ) กรณีที่เป็น Tier 4
11. หนังสือตอบรับจากสถาบันการศึกษาในประเทศอังกฤษ (CAS) และหลักฐานการชำระเงินค่าเล่าเรียน ( ทางโรงเรียนจะส่งให้หลังจากเราชำระเงินค่าเล่าเรียนแล้ว)
12. กรณีที่ไปเรียนตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป นักเรียนต้องมีใบรับรองการปลอดเชื้อวัณโรค (TB) จากโรงพยาบาลที่กำหนด ทั้งนี้ต้องทำการนัดหมายวันและเวลาล่วงหน้า การขอใบรับรองนี้สามารถขอได้จาก สำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) (ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน)

ที่อยู่: สำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration)
120 อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ถนนสีลม, บางรัก, กรุงเทพ ฯ 10500
โทรศัพท์: 02 – 234 – 7950 – 5 โทรสาร: 02 – 234 – 7956

กรณีที่ใช้บัญชีของตนเอง
• Bank Guarantee ระบุจำนวนเงิน และระยะเวลาที่เอาเงินเข้าบัญชี (28 วันก่อนทำการยื่นวีซ่า กรณีที่เป็น Tier 4)
• หน้า Book Bank เขียนชื่อ –นามสกุล เป็นภาษาอังกฤษตาม Passport พร้อมเซ็นรับรองจากทางธนาคาร
• สมุดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง) พร้อมสมุดบัญชีเงินฝากตัวจริง **หากไม่แนบสมุดบัญชีตัวจริง ต้องแนบ Bank Statement รับรองจากธนาคารด้วย

กรณีที่ใช้ผู้สนับสนุนทางการเงิน (ใช้ได้เฉพาะ คุณพ่อ และ คุณแม่เท่านั้น)
1. สำเนาบัตรประชาชน ของผู้สนับสนุนทางการเงิน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้สนับสนุนทางการเงิน
3. สูติบัตร ตัวจริงของนักเรียน พร้อมสำเนา
4. หลักฐานเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของผู้สนับสนุนทางการเงิน
• หนังสือรับรองการทำงาน ต้องระบุ รายได้ต่อปี เงินเดือน ตำแหน่ง วันเริ่มงานในหนังสือรับรองการทำงานด้วย
• กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ/บริษัท/ห้างร้าน จะต้องมีหนังสือรับรองบริษัท หรือ หลักฐานการจดทะเบียน (หนังสือรับรองบริษัทจะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน)
5. Bank Guarantee ซึ่งออกโดยธนาคารว่าผู้สนับสนุนมีเงินฝากในบัญชีเป็นเงินกี่ GBP
6. สมุดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง) พร้อมสมุดบัญชีเงินฝากตัวจริง **หากไม่แนบสมุดบัญชีตัวจริง ต้องแนบ Bank Statement รับรองจากธนาคารด้วย
7. จดหมายรับรองจากผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินโดยต้องมีลายเซ็นผู้สนับสนุน

หมายเหต
1. สำหรับเด็กที่มีอายุไม่ถึง18 ปีบริบูรณ์ต้องไปขอหนังสือยินยอมให้บุตรเดินทางต่างประเทศคนเดียวจากเขตหรือที่ว่าการอำเภอใกล้บ้านโดยคุณพ่อและคุณแม่ต้องเซ็นยินยอมทั้งคู่
2. เอกสารทุกฉบับต้องทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยผู้ที่มีใบอนุญาตการแปล
SJC สามารถขอเอกสารเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้แล้วแต่กรณี