VISA

VISA อเมริกา

แชร์ประสบการณ์ สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา โดย พี่ก้อย SJC
สุรชนา ชโลปถัมภ์ (พี่ก้อย)

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2010…. พี่ก้อยมีโอกาสไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามา เลยอยากแชร์ประสบการณ์โดยตรงให้กับน้องๆทราบค่ะ เป็นการสัมภาษณ์ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก แต่จริงๆแล้วเคยได้วีซ่าท่องเที่ยวของอเมริกามาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก ได้เพราะไปท่องเที่ยวจริงๆ โน้นแนะ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ครั้งที่สองได้วีซ่าก็เพราะไปเรียนสมัยที่เรียนปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่ะ ไปเรียนวิชา Business Policy เป็นเวลา 1 เดือน ที่ Claremont University, California เวลาก็ผ่านไปจนวีซ่าหมดอายุเมื่อ มีนาคม 2010...จึงต้องไปขอวีซ่าใหม่อีกวันนี้ ซึ่งได้ประสบการณ์ดีๆ มาแนะนำและเล่าสู่กันฟังค่ะ

พี่มีนัดสัมภาณ์เวลา 7:15AM ตื่นแต่ตี 4 ครึ่ง กลัวไปไม่ทันค่ะ ไปถึงหน้าสถานฑูตอเมริกา 6:30AM ก็ยืนเข้าแถวกันยาวเลยค่ะ ซึ่งทุกคนก็ได้เวลานัดหมายเวลาเดียวกัน ดูแล้วน่าจะเกิน 50 คน ส่วนคนที่ได้เวลานัดหมายอื่นก็ต้องยืนรออีกแถวนะค่ะ จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ค่อยๆให้ทะยอยเข้าไปทีละ 5-7 คนได้

ด่านแรก... พี่รักษาความปลอดภัยของสถานฑูตเค๊าจะตรวจกระเป๋าเราก่อน ถ้าเรามีพวกกุญแจที่เป็นรีโมท, Flat Drive และมือถือ เราต้องฝากพี่เค๊าไว้ข้างหน้าด่านนี้ก่อนค่ะ จากนั้นก็มีการสแกนกระเป๋า และเราก็ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ (X-Ray Machine) แล้วก็ได้ผ่านเข้าไปโดยดี ผ่านด่านแรกแล้ว เราก็เจอ

ด่านที่ 2... เราก็ต้องไปเข้าแถวรอ เพื่อให้น้องเจ้าหน้าที่เด็กๆ 2-3 คน(ใจดีและน่ารักมากค่ะ) ตรวจสอบเอกสารที่จะนำเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านถัดไป น้องเจ้าหน้าที่ตรงด่านที่สองนี้เค๊าจะดูหนังสือเดินทางของเรา... (หากเคยมีวีซ่าอเมริกาในเล่มเก่า ก็ควรที่จะนำไปให้เค๊าดูด้วยนะค่ะ) เจ้าหน้าที่จะดูว่าเราซื้อค่าวีซ่ามาหรือยัง และจะคัดเอกสารที่จำเป็น เช่น แบบฟร์อม DS-160, จดหมายเชิญ (หากมี), I-20 จากโรงเรียน ...แค่นี้ เท่านั้น จริงๆ...ไอ้ที่เตรียมไปพวก สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก หนังสือรับรองการทำงาน โฉนดที่ดินและอื่นๆที่เตรียมการขนไปนั้น เค๊าไม่ได้ดูเลย เรียกว่าแทบจะไม่แตะ ก็ งงๆๆ อยู่เหมือนกัน อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมมาอวดสะเยอะแยะหลายสิ่ง หลายอย่าง จากนั้นก็ไปเจอ...

ด่านที่ 3... เข้าแถวรออีก ที่ช่อง 11 และ ช่อง 12 รอการตรวจเอกสารโดยเฉพาะแบบฟอร์ม DS-160 ว่ากรอกมาถูกต้องหรือป่าว รูปใช้ได้มั๊ย บางคนรูปใช้ไม่ได้เค๊าก็จะขอรูปใหม่ตรงช่องนี้เลย เจ้าหน้าที่เค๊าจะถามทุกคนนะว่ากรอกแบบฟอร์มเองหรือป่าว มีคุณป้าอยู่คนหนึ่งมายื่นวีซ่าท่องเที่ยวเหมือนกัน แกคงให้ เอเจ้นท์กรอกฟอร์มให้แล้วกรอกผิด ก็ได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ดังนั้นแนะนำว่าเวลาให้คนอื่นกรอกฟร์อมให้ เราควรที่จะรู้ทุกคำถามและทุกคำตอบด้วยนะค่ะ ตรงด่านนี้ เค๊าจะตรวจทานสิ่งที่เรากรอกและถามคำถามเป็นภาษาไทยบ้างเล็กน้อง อย่างพี่ โดนถามเลยนะว่า “มีใครอยู่ที่นั้นหรอ” ทั้งๆที่ในแบบฟร์อมไม่มีคำถามนี้ ซึ่งน้องชายพี่อยู่ที่อเมริกา นามสกุลสะกดเหมือนกัน เจ้าหน้าที่เค๊าคีย์ไปก็จะรู้ทันทีค่ะ เราก็ตอบไปตามความจริง เมื่อเจ้าหน้าที่เค๊าตรวจข้อความในแบบ DS-160 เรียบร้อยแล้ว เค๊าก็จะให้เราทำการสแกนลอยนิ้วมือ โดยเริ่มจาก 4 นิ้วมือซ้าย – 4 นิ้วมือขวา และต่อด้วย สองนิ้วโป้งซ้ายขวา พร้อมกัน เป็นอันว่าเรียบร้อย และก็ต้องไปนั่งรอเรียกคิวเชือดหล่ะทีนี้ โดยเจ้าหน้าที่กงศุลจะเป็นคนสัมภาษณ์

ด่านทีี่ 4... จะเป็นการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงศุล ดูแล้วจะเป็นช่องที่ 9, 10 และ 11 ค่ะ ของพี่เคยได้วีซ่าอเมริกามาก่อนแล้ว คิวจะขึ้นต้นด้วยเลข 9 จะถูกเรียกทีละ 10 คน เป็นช่องด่วน คือช่องหมายเลข 11 วันนี้เป็นกงศุลผู้ชาย เป็นคนต่างชาตินะ ซึ่งทุกคนพูดภาษาไทยได้หมด พี่ถูกถามไม่กี่คำถามนะ

คำถามแรก : When is your last time to USA
พี่ก็บอกว่า : Last December
คำถามที่สอง : เจ้าหน้าที่ถามทำนองว่าคุณไปทำอะไร
พี่ก็บอกว่า : To visit school in USA. My job is about Overseas Education. I have to visit schools and our students in abroad.
คำถามที่สาม : Who is your supporter?
พี่ก็ตอบว่า : Myself

จากนั้นเค๊าก็ให้พี่สแกนนิ้วชี้ซ้ายอีกครั้ง เป็นอันว่าเรียบร้อย ถามแค่สามคำถามเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ก็ให้เราออกไปจ่ายเงิน 75 บาทที่ทำการไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ภายในสถานฑูต ซึ่งเค๊าจะจัดส่งหนังสือเดินทางของเรากลับมาให้ตามที่อยู่ที่เราจ่าหน้าซองค่ะ และวันถัดไป (23 ธันวาคม 2010) หนังสือเดินทางก็ถูกนำส่งมาที่บ้านพี่เรียบร้อยแล้ว และพี่ก็ได้วีซ่าท่องเที่ยวเป็นเวลา 10 ปี

สำหรับน้องสาวพี่ที่ไปด้วยกัน ก็ยื่นวีซ่าท่องเที่ยวเหมือนกันแต่น้องสาวพี่ยื่นครั้งแรก เค๊าเจอสัมภาษณ์ที่ ช่อง 10 ค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่กงศุลผู้หญิง ถามเสียงดังมาก ดูเหมือนดุนะ แต่ถ้าเราตอบคำถามเค๊าได้อย่างละเอียดและเป็นความจริง เค๊าก็ให้วีซ่านะ เท่าที่พี่เห็นวันนี้ไม่มีใครโดนปฏิเสธวีซ่าสักคนค่ะ ช่างโชคดีกันทั้งนั้น

ข้อแนะนำ:
ถ้าพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ควรตอบเป็นภาษาอังกฤษก็น่าจะดีกว่านะค่ะ ขอเพียงมีความมั่นใจและมีสติเวลาตอบคำถามเจ้าหน้าที่กงศุล พี่เชื่อว่าน้องๆจะได้วีซ่าทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียน หรือ วีซ่าไปดูงาน หรือ วีซ่าท่องเที่ยว ก็ตาม แม้ว่าเจ้าหน้าที่เค๊าไม่ดูเอกสารเช่น สมุดบัญชีเงินฝาก โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำงาน และอื่นๆ ของเราก็ตาม เราก็ควรเตรียมจัดไปให้ครบและให้เรียบร้อยไว้ก่อน อย่าประมาท แต่งตัวให้สุภาพไว้ก่อน ก็น่าจะมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะพี่เห็นบางคนแต่งตัวไม่สุภาพเลยค่ะ เราน่าจะให้เกียรติสถานที่นะค่ะ เจ้าหน้าที่สถานฑุตเค๊าดูใจดีกันทุกคนนะค่ะ อย่ากังวล และ กลัวเค๊ามากเกินไปค่ะ พี่เชื่อว่าน้องๆทุกคนจะได้ไปเที่ยว และ เรียนที่สหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอนค่ะ

+++++ หากมีคำถาม พี่ก้อย ยินดีให้คำแนะนำและปรีกษา ฟรี!! +++++
สามารถอีเมล์มาคุยกับพี่ก้อยได้ที่ info@sis.co.th ค่ะ

หลักฐานเพื่อใช้ในการขอวีซ่านักเรียนประเทศอเมริกา

1.แบบฟอร์มขอวีซ่า DS-160
2.I-20 ซึ่งออกโดยสถาบันการศึกษา
3.หนังสือเดินทาง
4.รูปถ่ายขนาด 50 mm * 50 mm (เท่ากับ 5 * 5 ซม.) จำนวน 2 ใบ พื้นหลังต้องสีขาวเท่านั้น ห้ามมีขอบ ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน และควรเห็นใบหูด้วย สัดส่วนใบหน้าต้องเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ของรูปถ่าย

ตัวอย่างรูปถ่ายที่ถูกต้อง :


5.สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 2 ใบ (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
6.สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ใบ (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
7.หลักฐานการศึกษา ตัวจริง ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย ตามลำดับ โดยหลักฐานการศึกษานี้ต้องระบุ ชื่อของสถาบัน ที่อยู่ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ อย่างชัดเจน (พร้อมสำเนา เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
8.รายชื่อของบุคคลในครอบครัวทุกคน ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์
9.รายชื่อบุคคลที่อ้างถึง Reference อย่างน้อย 2 คน พร้อมที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และ อีเมล์ (บุคคลอ้างอิงนี้ไว้เพื่อสามารถสอบถามประวัติของผู้สมัครได้)
10.หลักฐานการทำงาน ต้องระบุ วันเริ่มงาน เงินเดือน ตำแหน่ง (กรณีที่เคยทำงานมาก่อน) เป็นภาษาอังกฤษ โดยจะต้องมีหลักฐานตั้งแต่เรียนจบ

หลักฐานของผู้สนับสนุนทางการเงิน
11. สำเนาบัตรประชาชน ของผู้สนับสนุนทางการเงิน
12. สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้สนับสนุนทางการเงิน
13. หลักฐานการทำงานของผู้สนับสนุนทางการเงิน ต้องระบุ รายได้ต่อปี เงินเดือน ตำแหน่ง วันเริ่มงานในหนังสือรับรองการทำงานด้วย กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ/บริษัท/ห้างร้าน จะต้องมีหนังสือรับรองบริษัท หรือ หลักฐานการจดทะเบียน (หนังสือรับรองบริษัทจะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน)
14. หนังสือรับรองสถานภาพทางการเงินซึ่งออกโดยธนาคาร ว่าผู้สนับสนุนมีเงินฝากในบัญชีเป็นเงินสหรัฐจำนวนเท่าไหร่ (Bank Guarantee)
15. สมุดเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน โดยต้องให้ธนาคารรับรองสำเนาด้วย พร้อมตัวจริง
16. จดหมายรับรองจากผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินโดยต้องมีลายเซ็นต์ผู้สนับสนุน
กรณีที่ผู้สนับสนุนไม่ใช่บิดาหรือมารดา ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้สนับสนุนกับนักเรียนมาด้วย เช่น คุณอา เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านของคุณอาและคุณพ่อมาด้วย หรือ คุณน้า เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านของคุณน้าและคุณแม่มาด้วย หรือ พี่ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านของพี่มาด้วย
17. ใบเรียน ร.ด. (กรณีที่เคยเรียน)
18. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,200 บาท ค่า Pin จองวันนัดสัมภาษณ์ 360 บาท

*** SJC Inter Studies สามารถขอเอกสารเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้แล้วแต่กรณี