VISA
VISA ออสเตรเลีย
เบลแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่านักเรียน ประเทศออสเตรเลีย สำหรับนักเรียนที่มีอายุเกิน 35 ปี
สวัสดีจ้า วันนี้พี่มีประสบการณ์การยื่นขอวีซ่าประเทศออสเตรเลียมาเป็นแนวทางให้กับน้องๆทุกคน ที่กำลังสนใจจะไปเรียนต่อ สำหรับประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นอีกประเทศที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้ เพราะว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ค่าครองชีพก็ไม่โหดร้ายจนเกินไปอีกทั้งยังไม่ไกลจากบ้านเราอีกด้วยค่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าวันนี้พี่มีเคสตัวอย่างมาบอกต่อให้กับน้องๆที่กำลังสนใจไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ขอบอกเลยว่าออสเตรเลียไม่ได้จำกัดอายุในการไปเรียนภาษาเลยแม้แต่นิดเดียวเคสที่พี่เจอนั้นเป็นคุณอา อายุประมาณ 49 ปี พื้นฐานจบการศึกษาระดับ ปวช. หน้าที่การงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีบัญชีเป็นของตัวเองและคุณอามีความสนใจอยากจะไปเรียนภาษาและต่อหลักสูตรวิชาชีพด้านธุรกิจที่ประเทศออสเตรเลีย เท่าที่ฟังจากประวัติคุณอาแล้วต้องบอกเลยว่าค่อนข้างยากมากที่วีซ่าจะผ่าน ทั้งอายุเยอะ อาชีพการงานดูไม่มั่นคงและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะไปเรียนภาษาอังกฤษเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความที่คุณอามีความตั้งใจจริงทางเราก็ยินดีที่จะช่วยดูแลทำเรื่องให้คุณอาอย่างสุดความสามารถ เราจึงมาเริ่มเตรียมเอกสารยื่นวีซ่ากันค่ะ
สำหรับเอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่านักเรียนนั้น หลักๆ ที่ทุกคนต้องมีคือ
1. หนังสือเดินทางหรือที่เรียกว่าพาสปอร์ต
2. รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว 2 นิ้ว
3. หนังสือตอบรับจากทางโรงเรียนหรือที่เรียกว่า COE
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. สำเนาทะเบียนบ้าน
6. ผลการเรียนและใบรับรองการศึกษาจากทางสถาบันศึกษา ตัวจริง
7. ใบรับรองการทำงาน เป็นไปได้ควรยื่นตั้งแต่เรียนจบมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่คุณอาได้เตรียมเอกสารในเบื้องต้นมาพร้อมกับเอกสารจากผู้สนับสนุนทางการเงินแล้วนั้น พี่จะก็จัดการตรวจดูเอกสารทั้งหมดอีกครั้งว่ามีส่วนไหนต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขจากนั้นพี่ก็จะต้องทำการแปลเอกสารที่เป็นภาษาไทยให้เป็นภาษาอังกฤษทุกฉบับ เพราะการยื่นขอวีซ่านักเรียนประเทศออสเตรเลียนั้นเอกสารควรเป็นภาษาอังกฤษคะ
มาถึงเอกสารอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญนั้นคือ จดหมายชี้แจ้งจุดประสงค์ของการไปศึกษาต่อ ด้วยความที่ประวัติของคุณอาไม่ค่อยจะดีนัก เราจึงเครียดหนักกับการเขียนจดหมายครั้งนี้มาก เพราะพี่เชื่อว่าจดหมายตัวนี้สามารถชี้วัดเรื่องของวีซ่ากันได้เลยว่าจะผ่านไม่ผ่าน แถมถ้าเราเขียนได้ครอบคลุมหละก็จะลดความเสี่ยงที่สถานทูตจะโทรไปสัมภาษณ์นักเรียนโดยตรง การเขียนจดหมายชี้แจ้งนี้จึงสำคัญที่สุด พี่ขอแนะนำว่าน้องๆทุกคนควรเล่าประวัติของตัวเองตั้งแต่เรียนจบมาจนถึงปัจจุบัน เคยทำงานที่ไหนบ้าง เคยทำอะไรมาบ้าง พยายามอย่าให้เห็นช่วงเวลาที่หายไป และเหตุผลที่จะต้องไปเรียนไม่ว่าเราจะสมัครหลักสูตรอะไรก็ตาม แต่เหตุผลที่จะไปเรียนนั้นต้องสอดคล้องประวัติและการดำเนินชีวิตของเราให้มากที่สุด หรือความใฝ่ฝันในอนาคตข้างหน้าว่าอยากจะทำอะไรเป็นอะไรก็ควรจะดึงเหตุผลพวกนี้เขียนออกมาให้สถานทูตเห็นว่าเรามีเป้าหมายและมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปเรียนต่อนะคะ
หลังจากที่เอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พี่ก็ทำการนัดคิวกับเจ้าหน้าที่ VFS เพื่อขอเข้าไปยื่นวีซ่า การยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลียนั้น นักเรียนหรือผู้ที่จะเดินทางไม่จำเป็นต้องไปยื่นด้วยตัวเองนะค่ะ พี่จะไปดำเนินการให้ทุกอย่าง พอหลังจากยื่นวีซ่าเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นรอประมาณ 3 – 5 วันทำการ สถานทูตก็ได้มีการส่งอีเมล์มาหาเราเพื่อแจ้งให้คุณอาไปทำการตรวจสุขภาพค่ะ ทางเราก็ไม่รอช้าโทรแจ้งให้คุณอารีบเดินทางมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โดยการตรวจสุขภาพนั้นเอกสารที่จะต้องเตรียมไปด้วยคือหนังสือเดินทางเล่มจริงและใบ Health Examination List ที่ทางสถานทูตส่งให้ค่ะ การตรวจสุขภาพจะตรวจแค่ปัสสาวะกับเอ็กซเรย์ปอด ถ้าน้องๆคนไหนที่เป็นผู้หญิงก็อาจจะต้องดูในเรื่องของประจำเดือนกันอีกทีนะค่ะ พอหลังจากที่คุณอาตรวจสุขภาพเสร็จเรียบร้อยก็สามารถเดินทางกลับบ้านได้เลยค่ะ ผลการตรวจสุขภาพทางโรงพยาบาลจะส่งไปที่สถานทูตเองคะ ระหว่างนี้ก็เป็นช่วงลุ้นระทึกกันว่าการอนุมัติวีซ่านักเรียนนั้นจะออกมาอย่างไรและเมื่อไหร่ซึ่งปรกติก็จะใข้เวลาไม่นานหลังจากที่เราไปตรวจสุขภาพแล้วคะ
เคสของคุณอาท่านนี้สถานทูตได้อีเมล์แจ้งมาอีกรอบว่าว่าขอเอกสารทางการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากไปเรียนระยะยาว 2 ปี 6 เดือน เงินในบัญขีของผู้สนับสนุนทางการเงินที่ยื่นไปครั้งแรกนั้นมีจำนวนประมาณหนึ่งล้านกว่าบาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็เพียงพอคะ แต่เคสนี้...ผู้สนับสนุนทางการเงินเคยยื่นบัญชีเดียวกันสนับสนุนหลาน 2 คน ไปเรียนที่ออสเตรเลียเช่นเดียวกันและหลานทั้ง 2 คนก็ยังคงศึกษาอยู่ในออสเตรเลีย ดังนั้น ทางสถานทูตจึงต้องการเห็นยอดเงินที่มากกว่านี้ นับว่าเป็นความโชคดีมากค่ะที่ผู้สนับสนุนทางการเงินของคุณอานั้น มีเงินเก็บอยู่อีกบัญชีหนึ่งที่เป็นเงินฝากประจำ เราจึงได้ยื่นเพิ่มเข้าไป หลังจากนั้นประมาณ 2 วันก็ได้รับข่าวดีจากทางสถานทูตว่าวีซ่าของคุณอานั้นผ่านเรียบร้อยค่ะ ทีนี้เราก็ยิ้มกันแก้มปริ และที่สำคัญวีซ่านักเรียนของคุณอานัทไม่ติดเงื่อนไขใดๆด้วยคะ นับว่าเป็นเคสนักเรียนที่มีอายุมากที่สุดของเราคนแรกก็ว่าได้คะ เป็นยังไงบ้างค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าวีซ่าประเทศออสเตรเลียนั้นขอยากหรือป่าวค่ะ สำหรับพี่นั้นคิดว่าประเทศออสเตรเลียนั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้วเรียกว่าขอวีซ่าง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ ขอเพียงแค่เราเตรียมเอกสารให้ครบตามที่สถานทูตกำหนดและแจ้งจุดประสงค์ที่เราจะไปเรียนต่อให้ชัดเจนเท่านี้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจเลยค่ะ เอาเป็นว่าถ้าหากพี่มีเคสแปลกใหม่ ไว้จะมาแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆฟังกันอีกนะค่ะ ขอบคุณค่ะ